Cybersecurity คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับทุกคน

Siranat

คุณอาจเคยได้ยินหรือรู้จักกับคำว่า “Cybersecurity” มาบ้างแล้ว หรือแม้กระทั่งอาจได้ยินอย่างบ่อยครั้งในช่วงนี้ จากการที่ธุรกิจต่าง ๆ มากมาย เริ่มมีการปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ และเลือกใช้งานเครื่องมือดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย ซึ่งนอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีอาชญากรบนโลกไซเบอร์ ที่เกิดขึ้้นมาควบคู่กันด้วยเช่นกัน

บทความของเราในวันนี้จะแนะนำให้คุณได้รู้จักเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ว่ามีผลอย่างไรบ้างในการปกป้องธุรกิจ หรือมีสิ่งใดบ้างที่คุณจะต้องเรียนรู้ เพื่อให้คุณสามารถดูแลธุรกิจของตัวเองได้อย่างปลอดภัย และทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด ซึ่งหากคุณได้อ่านบทความนี้จนจบ ก็จะได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างครบจบในที่เดียวแน่นอน

📖 บทความนี้มีอะไรบ้าง แสดง

Cybersecurity ตัวช่วยปกป้องอุปกรณ์ดิจิทัลของคุณจากอาชญากรบนโลกไซเบอร์ที่อาจเป็นอันตรายกับเราและกับธุรกิจ

Cybersecurity

อาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นสิ่งที่แสดงถึงการใช้ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย, การขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนสำหรับธุรกิจ, การขู่กรรโชก และการทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีคำว่า “Cybersecurity” เกิดขึ้นมา

Cybersecurity หมายถึงการช่วยปกป้องให้อุปกรณ์ดิจิทัลของคุณ มีความปลอดภัยจากอาชกรไซเบอร์ ที่มีความต้องการในการรบกวนธุรกิจของคุณด้วยการใช้งานมัลแวร์และวิธีการต่าง ๆ

ประเภทของการโจมตีทางไซเบอร์:

  • มัลแวร์ (Malware): ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย เช่น ไวรัส, เวิร์ม, โทรจัน
  • ฟิชชิ่ง (Phishing): การหลอกลวงโดยใช้วิธีการปลอมตัวเป็นหน่วยงานหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล
  • แรนซัมแวร์ (Ransomware): ซอฟต์แวร์ที่เข้ารหัสข้อมูลของเหยื่อและเรียกค่าไถ่เพื่อปลดล็อกข้อมูล
  • การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS): การโจมตีที่ทำให้ระบบหรือบริการไม่สามารถใช้งานได้โดยการท่วมท้นด้วยทราฟฟิกขยะ
  • การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MitM): การดักจับและแก้ไขข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างผู้ใช้สองฝ่าย

ดังนั้นการศึกษาเรื่อง Cybersecurity จึงมีความสำคัญมากสำหรับทุกคน เพราะความเสี่ยงในการใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจากระดับใดก็สามารถส่งผลกระทบกับธุรกิจ องค์กรได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการที่พนักงานติดตั้งโปรแกรมอะไรแปลก ๆ ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จะส่งผลให้บริษัทติดมัลแวร์ ไปจนถึงทำให้องค์กรโดนโจรกรรมทางข้อมูลทำให้ถูกเรียกไถเงินได้ในอนาคต


หมวดหมู่ของ Cybersecurity ที่ทุกคนควรรู้

เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้้นเกี่ยวกับคำศัพท์คำนี้ เราจะทำการแบ่งแยกประเภทของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญบางประเภท เพื่อให้คุณได้รู้จักกับสิ่งนี้มากยิ่งขึ้น

Cybersecurity category

1. Network Security

การรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายภายในคอมพิวเตอร์ จะนับรวมทั้งการดูป้องกันเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยการดูแลในส่วนนี้จะเป็นการปกป้องภัยคุกคามลักษณะของมัลแวร์หรือผู้บุกรุก เพื่อไม่ให้เข้าสู่เครือข่ายและทำการแพร่กระจายข้อมูลได้ ส่วนเครื่องมือรักษาความปลอดภัยนั้น จะประกอบด้วย ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส, มัลแวร์, ไฟร์วอลล์ และเครือข่ายส่วนตัวเสมือนหรือ VPN

2. Application Security

Application Security จะมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชัน ด้วยการลบช่องโหว่และปรับปรุงคุณลักษณะด้านความปลอดภัย ซึ่งแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีการทำไว้ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาของแอปพลิเคชัน แต่ก็จะยังคงมีการอัปเดตเพื่อพัฒนาแพตช์อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทำการเปิดตัวออกไปใช้งานแล้วด้วยเช่นกัน

สำหรับภัยคุกคามทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นกับแอปพลิเคชัน จะเน้นไปที่การเข้าถึงข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการแก้ไขหรือเข้าถึงได้ เพราะเป็นส่วนที่มีผลโดยตรงต่อความปลอดภัย และจะเกิดปัญหาได้ง่ายหากถูกเข้าถึง ส่วนการพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือในการจัดการนั้น จะเน้นไปที่การอัปเดตแพตช์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และทำการติดตั้งให้เร็วมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง

3. Endpoint Security

ประเภทนี้เรียกกว่าการรักษาความปลอดภัยแบบปลายทาง ที่จะคอยปกป้องด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ทั้งหมด ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อปm แล็ปท็อป, เซิร์ฟเวอร์ หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ที่จะถูกป้องกันจากการคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต, การละเมิดข้อมูล, มัลแวร์ หรือแรนซัมแวร์ โดยวิธีการที่ใช้สำหรับการป้องกันแบบปลายทางนั้น จะเป็นการใช้งานซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส, VPN และโปรแกรมสแกนอีเมลในการต่อต้านฟิชชิ่งเป็นหลัก

4. Data Security

Data Security จะหมายถึงนโยบาย, กระบวนการ และเทคโนโลยีที่จะใช้ในการป้องกัน เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกแก้ไข, ทำลาย หรือเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือแม้แต่เกิดอย่างการประสงค์ร้ายของผู้คุกคามก็ตาม โดยแนวในการปฏิบัติเพื่อปกป้องข้อมูลนั้น จะประกอบด้วย การใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต, การเรียกใช้การสำรองข้อมูลอย่างเป็นประจำ เพื่อช่วยในการกู้คืนข้อมูลในช่วงเวลาต่าง ๆ และการใช้รหัสเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลถูกอ่านได้ง่ายจนเกินไป


ทำไม Cybersecurity จึงมีความสำคัญ?

Why Cybersecurity

การโจมตีทางไซเบอร์สามารถก่อให้เกิดความเสียหายได้มากมาย ทั้งทางด้านของการเงินและชื่อเสียงทั้งส่วนบุคคลเองหรือทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อม ในการโต้ตอบกับปัญหาลักษณะนี่ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีธุรกิจมากมาย ที่มีการดำเนินการบนช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้การพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้สูงขึ้น จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเราไม่มีความรู้เรื่อง cybersecurity

สูญเสียข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ
ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล บัตรเครดิต เลขบัตรประชาชน เลขพาสปอร์ต ข้อมูลทางการแพทย์และอื่นๆ ที่สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินได้

การสูญเสียทางการเงิน
การถูกโจมตีทางไซเบอร์อาจนำมาซึ่งการสูญเสียทางการเงินอย่างรุนแรง ทั้งจากการถูกขโมยข้อมูลทางการเงิน ค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด และค่าใช้จ่ายในการกู้คืนระบบ

เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่ง
ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้าน Cybersecurity อาจตกเป็นเหยื่อของการโจมตีแบบฟิชชิ่ง ทำให้เปิดเผยข้อมูลสำคัญหรือถูกหลอกลวงทางการเงิน

การสูญเสียความน่าเชื่อถือ

สำหรับองค์กร การขาดความรู้ด้าน Cybersecurity อาจนำไปสู่การสูญเสียความน่าเชื่อถือจากลูกค้า คู่ค้า และผู้ถือหุ้น หากเกิดเหตุการณ์การโจมตีที่ทำให้ข้อมูลของลูกค้ารั่วไหล

เรียกได้ว่าส่งผลกระทบทั้งทางตรงต่อส่วนบุคคลและทางอ้อมที่จะส่งผลกระทบต่อองค์กรและธุรกิจในภาพใหญ่ ทำให้เรื่องของ Cybersecurity จึงเป็นความรู้ที่สำคัญที่ทุกคนจะต้องศึกษาในปีนี้นั่นเอง


วิธีตรวจสอบ Cybersecurity ของตัวเอง

กุญแจสำคัญในการดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพ คือ แนวทางเชิงรุกและการป้องกันแบบหลายชั้น ซึ่งในเบื้องต้นที่เราจะกล่าวถึงนี้ เป็นขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณจะสามารถทำได้ เพื่อปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของคุณให้ได้ในทันที

Cybersecurity check

1. ติดตั้งการอัปเดตต่าง ๆ เสมอ

ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์จะปล่อยอัปเดตและแพตช์ เพื่อแก้ไขปัญหาเมื่อพบช่องโหว่อยู่เสมอ แต่สิ่งนี้จะยังคงทำให้อาชญากรไซเบอร์ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับช่องโหว่ เพื่อสร้างโอกาสในการใช้งานเรื่องดังกล่าว ในการมองหาช่องทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทำให้การแก้ไขข้อผิดพลาดส่วนนี้ จึงจะเป็นสิ่งที่ต้องแข่งขันกับเวลา ที่ผู้ดูแลซอฟต์แวร์จะต้องทำการอัปเดตให้รวดเร็วที่สุด และรวมไปถึงผู้ใช้งานเอง ก็ยังควรติดตั้งอัปเดตที่เกิดขึ้นให้เร็วมากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้อีกด้วย

2. ปกป้องรหัสผ่านและใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบสองชั้น

แฮ็กเกอร์บางคนจะใช้เทคนิคที่เรียกว่าการบังคับแบบตรง เพื่อทำการเข้าถึงบัญชีของคุณ ด้วยการทดลองใช้รหัสผ่านที่เป็นไปได้หลายพันครั้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากรหัสผ่านของคุณมีความยากหรือรัดกุมมากเท่าใด โอกาสสำเร็จก็จะลดลงไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ในการเพิ่มระดับความปลอดภัยพิเศษ คุณควรใช้การรับรองความถูกต้องแบบหลากหลายปัจจัยหรือ MFA ที่จะบังคับให้มีการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ชั้นขึ้นไปในการเข้าถึงระบบ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งรหัสผ่าน, PIN, การจดจำใบหน้าและเสียง, ลายนิ้วมือ ไปจนถึงการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์

คุณควรใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกันในทุกบัญชี, เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่คุณจะต้องเข้าถึง ถึงแม้ว่าอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำให้ลำบาก แต่เราก็มีตัวช่วยอย่างตัวจัดการรหัสผ่าน ที่จะทำให้คุณสามารถจัดเก็บรหัสผ่านได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องจำข้อมูลของแต่ละบัญชี และเพิ่มความรวดเร็วให้กับคุณได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการสุ่มรหัสผ่าน ที่ก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานร่วมกันกับตัวบันทึกรหัสผ่านด้วยเช่นกัน

3. ลงทุนในการฝึกอบรบและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

อาชญากรไซเบอร์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมายความว่าความปลอดภัยของสิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แบบถาวร เพราะฉะนั้นการให้ความรู้กับตัวคุณเองและพนักงาน เพื่อดูแลและพัฒนาในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเรียนรู้แนวทางในการแก้ไขปัญหาล่าสุด อยู่เสมอ จะทำให้คุณสามารถดูแลความปลอดภัยได้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับกระบวนการทั้งหมดในการดูแลด้านความปลอดภัย ทรัพยากรคนหรือมนุษย์นับเป็นสิ่งที่เป็นจุดอ่านที่สุด ที่จะทำให้การโจมตีทางไซเบอร์ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นการทำให้ผู้ที่ดูแลรักษาความปลอดภัย มีความพร้อมมากที่สุด ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับการดูแลด้านความปลอดภัยได้ดีขึ้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียว

4. ใช้ซอฟต์แวร์ที่น่าเชื่อถือในการป้องกันไวรัส

ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจะช่วยปกป้องคุณจากภัยคุกคามต่าง ๆ ด้วยการทำงานหลักในด้านของการตรวจจับ และจัดการกับภัยคุกคามในเชิงรุก เช่น ไวรัส, มัลแวร์ และแรนซัมแวร์ในทันที ก่อนที่จะก่อนให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ขึ้นมา ซึ่งการเลือกใช้งานแพ็คเกจของซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุม ไปจนถึงการป้องกันสแปมและการป้องกันฟิชชิ่ง, ไฟร์วอลล์ และการป้องกันการท่องเว็บอื่น ๆ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกมากเลยทีเดียว

การใช้ VPN (Virtual Private Network) ก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ โดย VPN จะช่วยทำการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่านเครือข่าย ซึ่งทำให้ผู้ที่ดักฟังหรือแฮ็กเกอร์ไม่สามารถอ่านหรือเข้าใจข้อมูลนั้นได้ การเข้ารหัสข้อมูลยังช่วยป้องกันการดักฟังจากผู้ไม่ประสงค์ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตในเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะที่มีความเสี่ยงสูง การเข้ารหัสด้วย VPN นี้เป็นการสร้างชั้นป้องกันเพิ่มเติมให้กับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสำคัญที่คุณส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้การโจมตีและการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นเรื่องยากขึ้น

นอกจากนี้การใช้ VPN ยังช่วยปกปิดที่อยู่ IP ของคุณ โดยแทนที่ด้วยที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN ซึ่งเพิ่มระดับความเป็นส่วนตัวในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่สามารถติดตามตำแหน่งหรือกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ง่าย ๆ การปกปิดที่อยู่ IP ยังช่วยป้องกันการติดตามและการสอดแนมจากบุคคลที่สาม รวมถึงลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) โดยรวมแล้ว VPN เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางไซเบอร์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกประเภท

VPN ที่น่าสนใจ


มารู้จักกับเทคโนโลยี Passkeys กับการใช้งานอุปกรณ์มือถือ

iOS Passkeys
iOS Passkeys

Passkeys บน iOS และ Android เป็นฟีเจอร์การยืนยันตัวตนผ่าน biometrics รูปแบบใหม่ที่ทำให้การเข้าสู่ระบบในแอปและเว็บไซต์ต่างๆ ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านแบบเดิม ๆ ฟีเจอร์นี้พัฒนาโดย FIDO Alliance ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีหลัก ๆ เช่น Apple, Google และ Microsoft

คุณสมบัติหลักของ Passkeys:

  1. ความปลอดภัยสูง: Passkeys ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบ Public Key Cryptography ทำให้การขโมยข้อมูลผ่านการโจมตีแบบฟิชชิ่งหรือมัลแวร์ยากขึ้น
  2. ง่ายต่อการใช้งาน: การใช้ Passkeys คุณไม่จำเป็นต้องจำรหัสผ่านหรือพิมพ์มันอีกต่อไป คุณสามารถเข้าสู่ระบบด้วยการใช้ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า หรือใช้ PIN ที่ตั้งไว้
  3. การซิงค์ข้ามอุปกรณ์: Passkeys จะซิงค์ข้ามอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกันผ่านระบบคลาวด์ เช่น iCloud ของ Apple สำหรับอุปกรณ์ iOS และ Google Account สำหรับอุปกรณ์ Android ทำให้คุณสามารถใช้งาน Passkeys ได้ทุกที่ทุกเวลา

การทำงานของ Passkeys:

  • เมื่อคุณลงทะเบียน Passkeys บนอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น iOS หรือ Google Account บน Android ระบบจะสร้างคู่คีย์ประกอบด้วยคีย์สาธารณะและคีย์ส่วนตัว คีย์ส่วนตัวจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น ส่วนคีย์สาธารณะจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริการที่คุณกำลังใช้งาน
  • ในการเข้าสู่ระบบครั้งต่อไป ระบบจะใช้คีย์สาธารณะเพื่อส่งคำขอการยืนยันตัวตนมายังอุปกรณ์ของคุณ อุปกรณ์ของคุณจะใช้คีย์ส่วนตัวเพื่อยืนยันคำขอและส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าสู่ระบบได้

ประโยชน์ของ Passkeys:

  • ลดความเสี่ยงจากการขโมยข้อมูล: การโจมตีด้วยฟิชชิ่งจะไม่สามารถขโมยรหัสผ่านได้ เพราะไม่มีรหัสผ่านที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์
  • ใช้งานง่าย: ผู้ใช้ไม่ต้องจำรหัสผ่านหลายๆ ตัว และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรหัสผ่านที่ตั้งมาไม่ดี
  • สนับสนุนการทำงานแบบไร้รอยต่อ: Passkeys ทำให้การเข้าสู่ระบบในหลายๆ อุปกรณ์และแพลตฟอร์มเป็นไปอย่างราบรื่น

Passkeys เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย ซึ่งคาดว่าจะมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต และช่วยลดระยะเวลาให้กับ User ในการเข้าสู่ระบบบนอุปกรณ์มือถือ โดยผู้ใช้งานจะไม่ต้องจดจำรหัสผ่าน ใช้การยืนยันด้วย biometrics ได้เลย ด้วยเหตุนี้ Passkeys จึงมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับการยืนยันตัวตนในยุคดิจิทัลปัจจุบัน


บทสรุป

Cybersecurity ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้คนและธุรกิจต่าง ๆ มากมาย ซึ่งบทความในวันนี้ก็น่าจะทำให้คุณได้รู้จัก เกี่ยวกับการวางแผนและดูแลด้านความปลอดภัยขึ้นมาบ้างแล้ว และเราก็เชื่อว่าการสละเวลามาอ่านบทความในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนรู้จักกับเทคโนโลยีและเรียนรู้วิธีการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัยมากขึ้น แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้านะครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Designil ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างคอนเทนต์ดีๆ มีสาระประโยชน์ให้กับผู้อ่าน สิ่งที่ทีมงานแนะนำทั้งหมดมาจากการค้นคว้าและทดลองใช้งานจริงหลายสัปดาห์ หากคุณชอบเนื้อหาแบบนี้และอยากสนับสนุนให้ทีมงานให้มีแรงสร้างคอนเทนต์ดีๆ ในอนาคต สามารถซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์บนบทความของเราได้นะครับ บางลิงก์ทางทีมงานจะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยโดยจะไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับทางผู้อ่าน ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ การทำงานของเรา